บทที่ 22 เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย (25%)
หลังจากเสร็จสิ้นงานเผาศพของพ่อกับแม่ เธอก็นั่งแหมะอยู่ตรงบันไดศาลาอย่างหมดแรงเพียงลำพัง ตามองไปยังควันสีขาวที่ลอยล่องออกมาจากปล่องเมรุ ก่อนจะตัดใจหันหลังเดินจากมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย งานเผาศพของแม่และพ่อแทบไม่มีแขกมาร่วมงาน จะมีบ้างก็แต่หัวหน้าพยาบาลเพื่อนของแม่ ซึ่งพอจะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายมาเพราะความจำใจและทำตามหน้าที่ นอกนั้นก็จะมีเพื่อนสนิทของพ่ออีกไม่กี่คน
ส่วนญาติพี่น้องทั้งฝั่งพ่อและแม่พากันมาไม่ถึงสิบคนในตอนเช้าวันแรกของการสวดอภิธรรม พูดคุยกับเธอไม่กี่คำก็ขอตัวกลับ โดยอ้างว่าติดธุระด่วน อยู่ร่วมงานถึงวันเผาศพไม่ได้จริงๆ จะเหลือก็แต่ป้า ลุง และน้าสาว ซึ่งพวกท่านทั้งสามไปเช่าโรงแรมนอน เนื่องจากไม่สะดวกใจที่จะนอนร่วมบ้านกับเธอ เพราะไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น ที่มาร่วมงานศพก็แค่ทำตามหน้าที่ของญาติเท่านั้น และที่สำคัญคือบ้านที่เพิ่งมีคนตายใหม่ๆ แถมยังเป็นการฆ่าตัวตายย่อมไม่มีใครกล้ามานอน จะยกเว้นก็แต่บูรณิมา เพราะยังไงเสียมันก็คือบ้านของเธอ
บูรณิมาพอจะเข้าใจว่าที่ไม่มีคนมาร่วมงานศพ เพราะการตายของพ่อกับแม่ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะรับได้ง่ายๆ พ่อกินยาฆ่าตัวตายหนีหนี้ ส่วนแม่ก็กินยาฆ่าตัวตายพร้อมกันกับพ่อ ซึ่งคนที่ทราบข่าวต่างคิดไปในทางเดียวกันว่าแม่อาจจะกินยาฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด เพราะแม่คือหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าจะฆาตกรรมนีรา ถึงแม้ตำรวจจะยังไม่ฟันธง แต่ใครหลายคนก็ด่วนตัดสินว่าแม่คือฆาตกรและประณามไปแล้ว คิดมาถึงตรงนี้บูรณิมาก็อดกลัดกลุ้มไม่ได้
ร่างอวบอิ่มในชุดไว้ทุกข์สีดำเดินมายังรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่บริเวณลานจอดรถของวัด ขาที่ก้าวไปข้างหน้าพลันหยุดชะงัก เมื่อรู้สึกเหมือนมีคนแอบมอง ทว่าพอหันกลับไปมองด้านหลัง แลซ้ายแลขวา กลับพบแต่ความว่างเปล่า ครั้นเดินต่อไปได้สักพักก็เหมือนมีคนตามมา พอหันไปมองข้างหลังอีกคราก็ปรากฏว่าไม่พบใครดังเดิม ทำเอานึกขนลุก ส่ายหัวขับไล่ความฟุ้งซ่าน ก่อนจะเดินไปหารถแท็กซี่ที่จอดรออยู่ไม่ไกล
ทันทีที่บูรณิมากลับถึงบ้านน้ำตาที่เหือดแห้งไปได้ไม่นานก็พลันพรั่งพรูออกมา เธอถึงขั้นปล่อยโฮลั่นเมื่อเหลือบไปเห็นรูปถ่ายของครอบครัว ร่างอวบสะอื้นฮัก เพราะเหลียวมองไปทางไหนก็ว่างเปล่า ข้างกายไม่เหลือใครสักคน เธอยังทำใจไม่ได้ที่ต่อไปจะต้องเหลือตัวคนเดียว
แค่คิดว่าไม่มีพ่อ
ไม่มีแม่
ไม่มีครอบครัว
เหลือตัวคนเดียว
เธอก็เหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้ รอบตัวมันว่างเปล่า เงียบเหงา เดียวดาย และแสนหดหู่ ไม่ต่างอะไรกับการเหลือตัวคนเดียวบนโลกใบใหญ่
“สุดท้ายพ่อกับแม่ก็ทิ้งหนูไปจริงๆ”
เสียงสั่นเครือพึมพำตัดพ้อทั้งน้ำตา
“แล้วต่อไปหนูจะอยู่ยังไง คนใจสลายอย่างหนูจะต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดยังไง…”
คนที่สูญเสียทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันร้องไห้ปานปิ่มจะขาดใจ ก่อนจะทรุดกายลงกอดรูปครอบครัวไว้ในอ้อมแขนอย่างหมดเรี่ยวแรงที่จะยืนหยัดต่อไป กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมง
จักรพรรดินั่งเครื่องบินส่วนตัวขึ้นมากรุงเทพในเช้ามืด หลังจากกาจพลโทรไปรายงานว่าหนึ่งในผู้ต้องสงสัยอย่างพัดชา ลูกสาวรัฐมนตรีสุชาติ น่าจะหลุดพ้นข้อกล่าวหาตามที่คาดการณ์ในก่อนหน้านี้ เนื่องจากไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงที่เป็นรูปธรรม รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดยังไม่ปรากฏว่าพัดชามีส่วนเกี่ยวข้อง
จากที่มีข่าวของพัดชาถูกตีแผ่ออกมาหลายวันติด วีรกรรมเด็ดๆ ของหล่อนล้วนถูกนำมาประจาน ก็กลายเป็นเงียบฉี่ และสื่อก็มุ่งประเด็นไปยังผู้ต้องสงสัยอีกราย นั่นก็คือบูรณา หัวหน้าพยาบาลประจำวอร์ดผู้ป่วยวิกฤตของโรงพยาบาลรักษ์ สาขากรุงเทพ ที่กินยาฆ่าตัวตายไปแล้ว แน่นอนว่าด้วยอิทธิพลและบารมีของรัฐมนตรีสุชาติ บิดาของพัดชา ย่อมมีอะไรหลายอย่างที่จักรพรรดิมองว่าไม่ชอบมาพากล
“ตำรวจพบผู้ต้องสงสัยอีกราย”
พันตำรวจโทคณานับ ธรรมพิทักษ์ หรือสารวัตรแคน เอ่ยบอกรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ หลังจากที่อีกฝ่ายทรุดกายลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่หอบลูกสาวหนีไปตั้งหลักที่เกาะมุกฟ้ายังคงสะเทือนใจกับการจากไปแบบกะทันหันของภรรยา แต่เรื่องที่ทำให้จักรพรรดิทุกข์ใจหนักที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องของหนูน้อยฟ้าใส ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่เอาแต่ร่ำร้องหาแม่ และไม่เอาใครทั้งสิ้น
“ใคร?”
“นลินนิภา ลูกสาวนายอานนท์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม”
ถึงแม้คณานับจะไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบในคดีนี้ แต่เขาก็มีเส้นสายในการหาข่าววงในไม่น้อย
“นอกจากพัดชา นางพยาบาลบูรณา แล้วยังมีนลินนิภาเพิ่มเข้ามาอีกเหรอ”
“ใช่ครับ”
“ตำรวจได้เบาะแสอะไรมา?”
“ทางตำรวจสืบทราบมาว่านลินนิภาอาจจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของคุณนีรา เพราะตรวจสอบเส้นทางการเงินของนลินนิภาแล้วพบว่าเธอมีการโอนเงินเข้าบัญชีของนางบูรณาหลายครั้ง และในวันเกิดเหตุคนที่บูรณาโทรคุยด้วยเป็นคนสุดท้ายคือนลินนิภา”
“เพราะงั้นตำรวจก็เลยมุ่งประเด็นไปที่บูรณากับนลินนิภาแทน”
“ครับ”
“หึ! ตำรวจคงหวังให้กูตัดพัดชาทิ้งสินะ”
มาเฟียหนุ่มเอ่ยเสียงกร้าว ขณะกระตุกมุมปากเหยียดยิ้มหยันให้กระบวนการยุติธรรม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าทางตำรวจกำลังเล่นไปตามเกมที่รัฐมนตรีสุชาติวางไว้
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น”
“กูไม่ตัดใครออกง่ายๆ หรอก ตราบใดที่ยังไม่มีบทสรุปที่แน่ชัด ทั้งพัดชา นลินนิภา รวมทั้งคนที่กินยาฆ่าตัวตายไปแล้วอย่างบูรณา ก็ยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งนั้น”
“ผมก็คิดแบบนั้น”
สารวัตรหนุ่มเอ่ยอย่างเห็นด้วย เพราะเรื่องนี้มันเหมือนถูกทำให้ดูซับซ้อน จากนั้นทั้งคู่ก็คุยไปถึงเรื่องคดีความ สุดท้ายจักรพรรดิก็ยังคงฝากฝังให้อีกฝ่ายช่วยสืบข่าววงในให้
